Translate

Sunday, January 12, 2014

"Sing like no one's listening, love like you've never been hurt, dancelike nobody's watching, and live like its heaven on earth." --Mark Twain--


ไม่ได้เล่นice skating มา10กว่าปีได้
เล่นครั้งล่าสุดที่เชียงใหม่ ที่กาดสวนแก้วตอนอยู่มอหก
มาอเมริกา6ปี ไม่เคยได้ไปเล่นเลย

วันนี้ไปเล่นที่wollman rink(central park)กับพีท เบส&เมี่ยง ไปก็กลัวๆกล้าๆ เพราะตอนเล่นครั้งล่าสุดที่เชียงใหม่ แกะขอบรั้วตลอด คราวนี้ก่อนออกบ้านไป หลับตาจินตนาการว่าตัวเองเล่นได้ สนุกด้วย ได้ผลอ่ะ วันนี้เล่นได้ เก่งกว่าเล่นที่เชียงใหม่อีก ไม่ได้เอาแต่ยืนแกะขอบรั้ว แรกๆก็เดินช้าๆ พอสไลด์ไปได้เร็วขึ้น ก็สนุกเลย

เวลาเราเล่น เราคิดว่า เล่นเหมือนกับว่าไม่มีใครดูอยู่ (ก็ไม่ได้มีหรอก) มันเลยรู้สึกไม่เกร็ง แล้วทุกคนก็มาเล่น เพื่อสนุกไง ล้มแล้วไง ล้มก็ลุก สนุกกันต่อ ถ้าไม่ล้มก็คงเล่นเก่งไม่ได้ 555 เราชอบจ้องดูคนเก่งๆเวลาเค้าขยับตัวแล้วแอบเลียนแบบ มันได้ผลนะ ชอบอีกอย่างคือพ่อแม่ที่นี่เค้าเอาลูกๆมาฝึกเล่นตั้งแต่ยังเด็กเลย กะว่าเวลาเรามีลูก จะให้ฝึกเล่นแบบนี้บ้าง น่ารักมาก เด็กๆที่นี่เก่งมาก ตัวเล็กๆนี่ วิ่งสไลด์ไปมาได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย

พีทเล่นเก่งมาก ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกในการเล่นice skatingของพีท อาจเป็นเพราะพีทชอบเล่นโรเลอแบรดมาตั้งแต่เด็ก เลยมีพื้นฐาน มันก็คล้ายๆกัน  จริงๆอยากเล่นอีกนิด แต่ไม่อยากรอนานช่วงเค้าทำความสะอาดสนาม เลยไปกินข้าวกัน กะว่าจะมาครั้งหน้าวันวันweekday เพราะweekendแพงมากกก ค่าเข้าคนละ$18 เช่ารองเท้า$8 เช่าlocker$11(ได้คืน$6)  weekdayน่าจะ$11.xx  ที่bryant parkค่าเข้าฟรีนะ เสียแต่ค่ารองเท้า แต่สนามเล็ก เราชอบที่นี่แหละ กว้างดี เห็นตึก เห็นวิว central park สวยดี

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อาทิตย์หน้าจะเป็นski trip ว่าจะลองเล่นsnow boardดู เล่นสกีมา2ครั้ง ก็ยังเล่นไม่ได้สักครั้งเลย ลองเล่นอย่างอื่นดูบ้าง 

Wednesday, January 8, 2014

“Your life does not get better by chances, it gets better by change.” --Jim Rohn--

(ชีวิตคุณไม่ได้ดีขึ้นเพราะรอให้เรื่องบังเอิญเข้ามาแต่มันดีขึ้นได้เพราะคุณกล้าเปลี่ยนแปลง --จิม โรห์น--)

มีสิ่งหนึ่งที่อยากให้เปลี่ยนแปลงตลอดไปในชีวิต นับจากนี้ นั้นคือพฤติกรรมการกิน-การนอน อยากeat clean ไม่กินมื้อดึก ไม่กินของหวาน ไม่กินน้ำอัดลม ไม่กินของทอด ไม่กินช็อคโกแลต อยากนอนตอนกลางคืนมากขึ้น นอนตอนกลางวันน้อยๆ  อยากออกกำลังกายให้เยอะขึ้น

ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะต้องมีเผชิญกับการลดน้ำหนัก เมื่อก่อนสมัยผอมๆ กินอะไรก็ไม่อ้วน ตอนอายุ17-22 น้ำหนักอยู่ที่ไม่เกิน40 กิโล
เป็นความหยิ่งผยองว่า คนอย่างฉัน กินอะไรก็ไม่อ้วน ไม่ได้ออกกำลังกาย กินแต่อาหารมันๆทั้งนั้น ยังผอมเลย ผอมขนาดที่เพื่อนๆตัองหายาบำรุงที่กินแล้วอ้วนขึ้นให้กิน



การเดินทางของไขมันบนร่างกาย เริ่มจาก ตอนอายุประมาณ23 ไปทำงานที่กรุงเทพได้ปีกว่า ทุกเย็นตัองแวะไปหาน้าที่สยาม น้าเปิดร้านขายเสื้อที่นั้น ก็หาไรกินแถวสยาม ลองร้านอาหารอร่อยๆทุกร้าน แล้วต้องปิดท้ายด้วยขนม ของหวาน ซึ่ง จริงๆแล้ว ตั้งแต่เกิดมา ที่บ้านเราไม่ค่อยกินของหวานปิดท้ายมื้ออาหาร จะกินก็แต่ผลไม้ แต่พอได้กินของหวานเรื่อยๆ ก็ติดใจ ต้องปิดท้ายทุกมื้ออาหารด้วยของหวาน มันเริ่มมาจากตอนนั้น ติดจนถึงทุกวันนี้ พยายามเลิกก็ทนไม่ไหว กลับไปกินอีก ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์

พอมาอยู่เมกา(ตอนอายุ24) ตอนแรกๆก็ตกใจ ทำไมอาหารจานนึงของที่นี่ให้เยอะจัง แรกๆก็กินไม่หมด กินได้แค่ครึ่งเดียว เดี๋ยวนี้ขออีกจานเพิ่ม 555  น้ำอัดลม ช็อคโกแลต ของหวานก็กินตบท้ายหลังกินของคาว

ยิ่งพอมาเจอสามี แม่สามีทำอาหารอร่อยหมดทุกอย่าง เราเลยยิ่งกินใหญ่ จะลด แม่สามีก็บอกไม่อ้วนๆ กินเข้าไป เป็นไงล่ะ จาก40 ตอนนี้48 บางทีก็50 อร้ายยย กรี๊ดดด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้  เมื่อก่อนแม่เราหุ่นดีมา ตอนแม่อายุ30กว่า พอเข้าเลข4 แม่เริ่มอ้วน เราเลยบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่อ้วนเหมือนแม่ (แต่พ่อก็ชอบแอบแซวว่า เดี๋ยวอีกหน่อยก็เหมือนแม่) แต่ทุกวันนี้ ยังไม่เข้าเลข4เลย แค่เพิ่งเข้าเลข3เท่านั้น อีกนิดเดียว เราก็จะหุ่นแบบแม่แล้ว :(

กลายเป็นว่า6ปีในอเมริกา ทั้งที่พยายามออกกำลังกายมากกว่าตอนที่อยู่ไทยแค่ไหน ก็ไม่ทำให้น้ำหนักเราลดลงได้ เพราะเรายังกินอาหารมื้อดึก นอนน้อย กินของหวาน กินน้ำอัดลม กินของทอด กินช็อคโกแลต อาจจะออกกำลังกายไม่พอในบางอาทิตย์ด้วย

เอ๊ะ ก็รู้นี่หว่าว่าปัญหาเกิดจากอะไร  แต่ทำไม่ได้ทุกที ถ้าเราไม่เปลี่ยน พฤติกรรมแย่ๆพวกนี้ ก็คงไม่มีทางที่เราจะมีหุ่นดีๆ

"คนที่ทำเหมือนเดิมซ้ำๆแต่หวังผลลัพธ์ต่างจากเดิม คือ คนวิกลจริต" --ไอน์สไตน์--

ฉันจะเอาน้ำหนัก40kgs. ของฉันคืนมาภายในกลางปีนี้ให้ได้!! :)

Monday, January 6, 2014

An other korean drama I like :) ซีรีย์เกาหลีอีกเรื่องที่ชอบ

“In this world, no one can be happy without love.” --Yoon Joo, Cheongdamdong alice--

 ซีรีย์เกาหลีอีกเรื่องที่ได้ดูในปี2013 แต่มันฉายตอน2012 คือเรื่อง Cheongdamdong alice
ได้ความรู้จากเรื่องนี้ว่า อ๋อ...Cheongdamdong มันเป็นชื่อย่านของคนรวยในโซล,เกาหลีนี่เอง เป็นย่านแฟชั่น ที่อยู่ของคนทำงานที่จบนอกมา เก๋ๆ อะไรประมาณนี้  ตอนแรกกะไม่ดูเรื่องนี้ เพราะพระเอกไม่หล่อ แก่  แต่ดูไปเรื่อยๆ ทำไมหล่อขึ้นก็ไม่รู้ สรุปดูจนจบพอดี อิอิ เออ ซีรีย์เกาหลีหลายเรื่องเหมือนกันนะที่แบบ พระเอกทีแรกดูไม่หล่อ ดูไปดูมา...หล่อ เรื่องนี้ก็สนุกดีนะ พระเอกเก๊กขรึม แต่จริงๆ ตลก ฮา บ้ามากกกก ลุ้นมาก ว่าความลับของพระ-นางจะแตกตอนไหน แต่หลังๆมาแอบรำคาญนางเอกนิดๆ โดยรวมโอเคเลย ดูแล้ว เกินคาด นึกว่าจะไม่สนุก แต่สนุกดี ลองดูๆ^^







Saturday, January 4, 2014

5อันดับซีรีย์เกาหลีที่ชอบในปี2013 (My top 5 Korean Drama list in 2013)

1. I hear your voice
ชอบเรื่องนี้มาก plotดี สนุก ให้ความรู้ด้วย (คือดูจบแล้วมันได้คิดอะไร มากกว่า ฟิน พระเอกหล่อ นางเอกสวยอ่ะนะ) น่าติดตาม ตื่นเต้น น่ารัก เศร้า มีหมด ดูแล้วหลงรักซูฮาเลยอ่ะ อยากมีแฟนเด็กแบบนี้ haha :P เรื่องนี้มันเจ๋งตรงที่พระเอกได้ยินเสียงคนอื่น อ่านใจคนได้เนี่ยแหละ(ตามชื่อเรื่อง) ประโยคที่ประทับใจมากๆๆของเรื่องนี้คือ ประโยคที่แม่นางเอกพูดกับนางเอกก่อนตาย ในEp.7ว่า

"ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้าแกจะอยู่อย่างนั้น โลกทั้งใบนี้คงตัองพิการแน่ๆ คนที่เขาหยาบคายกับแก ก็เพราะพวกเขาอิจฉาแก เพราะว่าแกโชคดีกว่า เพราะว่าพวกเขาอิจฉาแก เพราะฉะนั้น แกไม่ต้องไปเกลียดพวกเขาหรอก อย่าไปใส่ใจพวกเขา และจงรู้สึกเสียใจต่อพวกเขา สัญญากับฉัน ว่าจะไม่ปล่อยให้ความเกลียด มาทำลายชีวิตของแก เมื่อคนคนนึงเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว ชีวิตมันสั้นกว่าความรักนัก "

โห สุดๆอ่ะ ไม่รู้จะโดนใจใครไหม แต่โดนใจเราไปเต็มๆ



2.The heirs 
จริงๆเราว่าplotเรื่องธรรมดานะ ดังได้เพราะนักแสดงจริงๆ ดูแต่ละคน หนุ่มๆ สาวๆ หน้าตาดีทั้งนั้น ถ้าไม่ได้นักแสดงดีๆเยอะๆแบบนี้ อาจจะไม่รุ่งเท่านี้นะ ถ้ามินโฮไม่เล่นเป็นพระเอก คงเอาวูบินไม่อยู่ ฮีมาแรงจริงๆ ตอนแรกเราตื่นเต้นมากที่ชินเฮจะแสดงกะมินโฮ ดูเคมีเข้ากัน แต่แสดงไปแสดงมา ไม่รู้นะ เราอาจจะรู้สึกไปเอง เราว่าชินเฮเคมีไม่เข้ากะมินโฮ แต่ดันเข้ากะวูบิน haha :) อีกคนที่ชอบคือKrystal นางเล่นดีจริงๆ เล่น ตลก น่ารัก โดยเฉพาะซีนบอกที่อยู่บ้าน ที่ให้นางเอกมาบ้านตัวเอง(เพราะกลัวนางเอกไปนอนบ้านแฟนนาง)

"Having no enemy means there's no ally."--Kim Nam Yoon (ep.15)--





3. Master's sun
ดูจีซบแสดงซีรีย์ทีไร เศร้าเกือบทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ดีจัง ฮีหล่อ เท่ห์ อบอุ่น เย็นชา ปากแข็ง แต่ก็แอบตลกด้วย สนุกเพราะลุ้นว่าจะมีผีอะไรให้นางเอกมาช่วยแก้ปัญหาบ้าง นางเอกชีไม่สวยมาก แต่ชีแสดงเก่งดีนะ ขนาดไม่สวยมาก ก็ยังมีผู้ชายมารุมรักตั้ง3คนแนะ แต่ละคนหล่อทั้งน้านนน

"Why should I be afraid of a dead person? The living are scarier."
--Joo Joong Won (ep.1)--





4. That winter the wind blows
ประทับใจตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วอ่ะ ชอบชื่อเรื่อง เรื่องนี้ที่สุดในบรรดาซีรีย์ทั้งหมดที่ดูมาในปี2013 ซีรีย์เรื่องนี้ สำหรับเรา เราว่าเป็นซีรีย์ที่พระนางหน้าตาดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา(ขนาดนั้นเชียว) คือสวย หล่อ ไร้ที่ติจริงๆ ภาพสวยมาก โรแมนติคมาก หนาวๆมาก เศร้าๆมากเช่นกัน ^^

"It's okay to be okay. It's okay to be scared. It's okay to cry."
--Oh Young (ep.7)--




5. Nine:Nine time travels
เรื่องนี้ไม่ค่อยดัง ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมาก แต่เราชอบนะ ได้ดูตอนขึ้นเครื่องขาไปและกลับ นิวยอร์ค-เกาหลี-กรุงเทพ จนจบ ขาไปดูเยอะหน่อย ขากลับหลับ ได้ดูที่ค้างไว้นิดๆหน่อย คือเนื้อเรื่องมันน่าติดตามมาก ลุ้นมากว่าพระเอกจะย้อนเวลาไปแก้ปัญหาช่วงไหน นางเอกหน้าตาน่ารักอ่ะ ชอบๆ ผมสั้นออกแนวญี่ปุ่น หักคะแนนตอนจบของเรื่อง(ไม่งั้นคงให้อยู่อันดับ4) ออกแนว จบแบบงงๆ แต่อาจจะมีภาคต่อหรือเปล่า เลยจบแบบนี้ 

"Some secrets are kept as secrets for a reason"--Park Sun Woo--



Friday, January 3, 2014

"Peaks and Valleys" (ยอดเขาแห่งความสุข หุบเขาแห่งอุปสรรค)


"It is natural for everyone everywhere to have peaks and valleys at work and in life" --Spencer Johnson,Peak and Valley--
เป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนจากทุกแห่งหน จะมีทั้งยอดเขาและหุบเขาในการงานและชีวิต
เมื่อวานบอกว่าพ่อยื่นหนังสือเล่มนี้ให้ตอนขึ้นเครื่องก่อนมาอเมริกา วันนี้เลยจะมาพูดถึงหนังสือเล่มนี้ ก็ดีนะ ชอบ แต่ไม่มากที่สุด อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ อ่าน The Secret;the powerจบ ก่อนจะมาอ่านเล่มนี้ รู้สึกได้พลังมากกว่าอ่านเล่มนี้ แล้วเนื้อหาของเล่มนี้ก็มีในthe secret;the power อยู่แล้ว

แต่ที่เอามาพูดถึงเพราะพ่อให้มา แล้วพ่อบอกว่า มันดีมาก สำหรับพ่อ เวลาเรามีปัญหา ปรึกษาอะไรพ่อ พ่อก็บอกว่าให้เราอ่านเล่มนี้ แล้วจะคิดได้ พ่อเอาหลักการในหนังสือเล่มนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน(โดยเฉพาะการใช้ชีวิตคู่กับแม่แล้วได้ผล) ^_^

"The path out of the valley appears when you choose to see things differently" --Spencer Johnson,Peak and Valley--
เส้นทางออกจากหุบเขา จะปรากฏขึ้น เมื่อคุณเลือกที่จะมองมุมต่าง

พออ่านเล่มนี้มาจะจบอยู่แล้ว หน้า128-129ท้ายๆเล่มก็มีเนื้อหาสรุปของหนังสือไว้ให้ด้วย(หลอกให้อ่านร้อยกว่าหน้ามาตั้งนาน haha)

สรุปของหนังสือเล่มนี้มีดังนี้ จากหน้าหน้า128-129
 หนังสือเรื่อง "การใช้ยอดเขาและหุบเขา
ในการงานและชีวิต" (Peak and Valleys)
เขียนโดย Spencer Johnson, M.D.
แปลโดย พิทยา สิทธิอำนวย
เรียบเรียงโดย พรรณรวี ชัยอิ่นคำ

"เพื่อจัดการช่วงเวลาที่ดีและร้าย"
จงเป็นเพื่อนกับความเป็นจริง
ไม่ว่าคุณจะอยู่บนยอดเขาสูงหรืออยู่ในหุบเขาเป็นการชั่วคราว
จงถามตนเองว่า ความเป็นจริงในสถานการณ์นี้คืออะไร

"เพื่อหลุดพ้นจากหุบเขาได้เร็วขึ้น"
จงหาข้อดีที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย แล้วนำมาใช้ ทำใจให้สบาย นึกเสมอว่าหุบเขาย่อมสิ้นสุด จงทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฉุดให้คุณตกอยู่ในหุบเขา เลิกสนใจแต่ตนเอง แล้วทำประโยชน์ในการงานให้มากขึ้น
เป็นคนที่น่ารักมากขึ้น หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ หาข้อดีที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย
แล้วใช้มันให้เกิดประโยชน์โดยไม่รอช้า

"เพื่อยู่บนยอดเขาได้นานขึ้น"
จงเห็นคุณค่าและจัดการช่วงเวลาที่ดีอย่างเหมาะสม จงอ่อนน้อมถ่อมตนและสำนึกในบุญคุณ ทำสิ่งที่ช่วยให้คุณไปถึงยอดเขาให้มากขึ้น ทำสิ่งต่างๆให้ดีกว่าเดิมเสมอ ทำเพื่อผู้อื่นให้มากขึ้น และรักษากำลังไว้สำหรับหุบเขาที่จะต้องเผชิญต่อไป

"เพื่อไปยังยอดเขายอดใหม่"
จงทำตามมโนภาพที่สัทผัสได้
สร้างจินตนาการว่าคุณมีความสุขในอนาคตที่ดีกว่านี้ โดยใส่รายละเอียดอย่างเจาะจงและน่าเชื่อถือให้มากพอ มากจนในไม่ช้า คุณจะมีความสุขที่ได้ทำอะไรๆ ที่ช่วยพาคุณไปยังที่นั้น

"เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"จงแบ่งปันให้ผู้อื่น!
จงช่วยให้ผู้อื่นจัดการช่วงเวลาที่ดีและร้ายให้ราบรื่น อย่างที่คุณเคยทำได้



Thursday, January 2, 2014

"There is no friend as loyal as a book" --Ernest Hemingway--

รูปวันพ่อที่ผ่านมา เราpostรูปพ่อกะหนังสือ "Peaks and Valleys"ไว้ตรงกลาง(ในfacebook)เพราะ เป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่พ่อยื่นให้ก่อนขึ้นเครื่องจากไทยมาอเมริกาแล้วบอกว่า เอาไว้อ่านตอนอยู่บนเครื่องนะ เนื้อหามีนิดเดียว ถึงอเมริกาคงอ่านจบพอดี (ที่ไหนได้ นอนตลอด ไม่ได้อ่าน แต่ก็อ่านจบก่อนวันพ่อพอดี) เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเขียนถึงหนังสือเล่มนี้



ตั้งแต่เด็กพ่อกับแม่มักจะให้ของขวัญเป็นหนังสือ
"A book is a gift you can open again and again."--Garrison Keillor--
เราชอบนะ เพราะตรงปกข้างในพ่อกับแม่จะเขียนข้อความสั้นๆไว้แล้วเซ็น ลงวันที่ 
เช่น "เพื่อชีวิตและสังคมที่ดีกว่า  รัก...พ่อแม่ 20 ตค. 2534... "  เรารักข้อความที่พ่อกับแม่เขียนให้มากเลย  พ่อกับแม่ไม่ค่อยซื้อของเล่นให้นะตอนเด็กๆ พวกตุ๊กตาที่ได้เล่นเพราะญาติๆไม่เล่นแล้ว เลยได้ต่อจากเค้ามา ไม่ก็เพื่อนๆแม่ซื้อเป็นของขวัญให้เรา จำได้ว่า ตอนอยู่ปอสามหรือปอสี่เนี่ยแหละ พ่อกับแม่ซื้อหนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์14ตุลา กับปรัชญาจีนให้ เราเลยชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญากับประวัติศาสตร์แต่เด็กๆ  และคงเป็นเหตุผลว่าทำไม โตมาเราเลยเลือกเรียนประวัติศาสตร์(และปรัชญาอีก4ตัวในมหาวิทยาลัย) 

ทุกวันนี้พ่อกับแม่ไม่ได้ซื้อหนังสือให้เราแล้ว 
กลับกลายเป็นว่า เราให้ของขวัญพ่อโดยการซื้อหนังสือที่พ่ออยากได้ให้ ปีที่ผ่านมาซื้อ "มังกรคู่ สู้สิบทิศ"แบบครบชุดให้พ่อ หนังสือที่อยากซื้อให้ต่อไปคือ "เพชรพระอุมา"แบบครบชุด  

เราว่า หนังสือเป็นเหมือนเพื่อน ได้เปิดโลก ได้ความรู้ ความคิดใหม่ๆ ชีวิตเราได้อะไรเยอะแยะมากมายจากการอ่านหนังสือ คือ ไม่แปลกใจนะ เวลามีคนบอกว่า หนังสือเล่มนั่น เล่มนี้เปลี่ยนชีวิตเขา เราเข้าใจเลยอ่ะ 

สมัยนี้แม้จะสามารถอ่านหนังสือได้แบบebook,audio book เราก็ยังรู้สึกว่าเราชอบจับหนังสือเป็นเล่มๆมากกว่า ได้ขีด ไฮไลท์ ได้เขียน ได้พับมุมหนังสือ ได้แปะpost it มันได้ฟีลกว่าเยอะ  คนอื่นอาจจะชอบแบบebookหรือaudio bookก็ได้ ไม่ว่ากัน แค่ขอให้ได้อ่าน เราก็ว่าดีแล้วแหละ

เราพยายามซื้อหนังสือมาอ่านให้ได้มากที่สุด(อยากรู้ และก็ตื่นเต้นดีเวลาได้รับความรู้ใหม่ๆ) 3เดือนที่ผ่านมา เราอ่านไป13เล่มแล้ว ยังเหลืออีก20กว่าเล่ม ที่ซื้อมาแล้วไม่ได้อ่าน เป็นนิสัยที่แย่อีกอย่างนึงที่ชอบซื้อมาเก็บ ไม่ได้อ่านhaha  ปีนี้จะปรับปรุง จะอ่านให้หมดเลย เย้!!!

ปีนี้เพื่อนๆจะอ่านกันกี่เล่มเอ่ย อ่านแล้ว อย่าลืมนำสิ่งดีๆที่ได้จากการอ่าน นำไปใช้ด้วยนะ ^_^

Wednesday, January 1, 2014

HNY2014 อย่า อยู่ อย่าง อยาก

Happy New Year!! Hope you have the best 2014 ever!!

ปีใหม่อีกปีแล้ว ปีที่แล้วทั้งปีเขียนblogได้5posts เอง(แล้วบอกว่าตัวเองชอบเขียนได้ไงเนี่ย haha :P )

ปีนี้เอาใหม่ละกัน วันใหม่ ปีใหม่ วันนี้ เริ่มต้นด้วย quoteอันนี้ละกัน

"Twenty years from now you will be more disappointed by the things you did not do than by the ones you did do. So throw off the bowlines. Sail away from the safe harbor. Catch the trade winds in your sails. Explore. Dream. Discover"  --Mark Twain--


















20ปีต่อจากนี้ คุณจะเสียใจในสิ่งที่คุณยังไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่คุณทำมาแล้ว ดังนั้นโยนเชือกที่รั้งใบเรือ ทิ้งไป ออกจากชายฝั่งที่ปลอดภัย (ออกไป)สัมผัสลมในเรือ (ออกไป)ค้นหา ,ความฝัน ค้นพบ (กันเถอะ)
แปลแบบกากๆ โดยนิตา
ใครแปลได้ดีกว่านี้กรุณาช่วยแก้ให้ด้วย จะขอบคุณมากค่ะ ^^

อ่านแล้วเป็นไงมั่ง สำหรับเรา เรารู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตในปี2014นี้จัง
เราใช้หลักการนี้ในการใช้ชีวิตตลอดเลย ไม่ว่าจะเลือกอะไร ก็เลือกในสิ่งที่ไม่ทำให้เราเสียดายทีหลัง
เลือกเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียน เลือกคนรักและอาชีพ ...ถ้าชีวิตนี้สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ เราก็จะไม่แก้ไขอะไรทั้งนั้น เพราะเราไม่เสียดายอะไรในสิ่งที่ได้ทำผ่านมาแล้ว
"เสียใจ ดีกว่าเสียดาย" นะ ความเสียใจ วันนึงมันก็เยียวยา หายไปได้ แต่ถ้าคุณเสียดาย มันก็จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต

มา ค้นหา ความฝัน มาค้นพบชีวิตของเราตลอดปี2014กันเถอะ



เรือเล็กควรออกจากฝั่ง ^^

ปล.พูดถึงเรือเล็กควรออกจากฝั่ง แต่ไม่ได้เอาเพลงนี้แปะไว้นะ เพราะเราชอบเพลงนี้มากกว่า  "อย่า อยู่ อย่าง อยาก" by P2Warship


~ หาก อยากเห็นพื้นแผ่นดินสดใส
แต่ไม่ยอมลอยเรือข้ามไป ปล่อยเรือไว้อย่างนั้น
แล้ว อีกเมื่อไรจะถึงฝั่งฝัน
ต้องขอไปตามใจซักวัน ออกตามฝันซักที~

ในบางครั้ง มันต้องเสี่ยง แม้รู้ ว่ามีเพียง
เศษเสี้ยวที่จะสมหวัง

"แต่หาก เสียงหัวใจร้องดัง เกิดมามีเพียงหนึ่งครั้ง

ลองใช้ครั้งหนึ่งกับฝัน ให้มันได้รู้"